ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.พิสิษฐ์ ปทุมสูติ พนักงานสอบสวน สภ.สระแก้ว จ.สุพรรณบุรีรับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ตกบ่อน้ำมีคนเสียชีวิตที่ริมถนนสายบ้านท่าเสด็จ-พลับพลาไชย หมู่ 6 ตำบลสระแก้ว จึงไตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุบริเวณสามแยกบ้านปลายน้ำ ซึ่งเป็นทางโค้งพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ D4D สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กธ 1089 นครปฐม สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ในบ่อน้ำลึกประมาณ 2 เมตรพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ที่ใกล้กันมีลังพลาสติกหลายลังลอยอยู่ และถุงพลาสติกใส่ปลาหมอตัวใหญ่หลายตัว บริเวณกระบะท้ายเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าลอยอยู่จึงนำขึ้นมาตรวจพิสูจน์ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนายชัตตพล เพ็งอ้น อายุ 55 ปี บ้านเดิมอยู่อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สภาพเนื้อตัวขาวซีดเบื้องต้นไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ใช้รถยกนำรถกระบะขึ้นมาตรวจพิสูจน์ภายในรถว่ามีคนติดอยู่อีกหรือไม่จากการตรวจสอบไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มแต่อย่างใด

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายชัตตพล  ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกสำนักงานการไฟฟ้าภูมิภาคอำเภออู่ทอง ก่อนเกิดเหตุหลังเลิกงานได้ขับรถคันดังกล่าวมุ่งหน้ากลับบ้านที่ อำเภอศรีประจันต์ มาตามเส้นทางดังกล่าวซึ่งคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะใช้เส้นทางนี้ประจำเนื่องจากเป็นเส้นทางลัด โดยก่อนกลับบ้านได้แวะซื้อปลาหมอ ตัวใหญ่หลายตัวเพื่อจะนำกลับไปทำกับข้าวกินที่บ้านถึงที่เกิดเหตุเป็นทางแยกผู้เสียชีวิตไม่ทันระวังประกอบกับรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงไม่สามารถบังคับเลี้ยวขวาได้จึงพุ่งตรงออกจากทางแยกก่อนเหินข้ามร่องน้ำทางซึ่งกว้างประมาณ 4 เมตรก่อนที่หน้ารถจะกระแทกกับขอบบ่อน้ำอย่างแรงจนรถตีลังกาหลังคากระแทกพื้นจนยุบกระจกหน้าแตกหงายท้องล้อชี้ฟ้าตกลงไปในบ่อน้ำและร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นออกมานอนตัวรถเสียชีวิต

ทางด้านนายสุรเดช ช้างเขียว หัวหน้าชุดกู้ภัยสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง จุดสระแก้ว กล่าวว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถประสบอุบัติเหตุจึงนำกำลังมาตรวจสอบก็พบรถยนต์กระบะหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ในบ่อน้ำจึงช่วยกันลงไปตรวจสอบภายในบ่อน้ำก็พบร่างผู้เสียชีวิตลอยคว่ำหน้าอยู่ที่ท้ายกระบะรถ ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะขับรถออกมาจากทางแยกด้วยความเร็วแล้วเสียหลักข้ามร่องน้ำตกลงมาในบ่อน้ำอย่างแรงจนร่างกระเด็นออกมานอกรถเสียชีวิต สำหรับถนนสายนี้โดยเฉพาะจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งอันตรายชาวบ้านขนานนามว่าโค้ง 100ศพเมื่อก่อนมักจะเกิดอุบัติเหตุทุกวันมีคนเสียชีวิตจำนวนมากต่อมาได้มีการตั้งศาลเพียงตาขึ้น ใกล้กับทางโค้งก็ยังถูกรถพุ่งเข้าไปชนอยู่ประจำจนต้องย้ายศาลมาไว้ริมถนน ทำให้อุบัติเหตุลดลง แต่เมื่อไม่นานมานี้ศาลเพียงตาถูกรถแบ็กโฮ ที่มาขุดลอกร่องน้ำข้างทางรื้อทำลายก่อนจะมาเกิดอุบัติขึ้น

นายปิยะพงศ์ ลมูลศิลป์ 31ปีลูกชายเจ้าของที่นาเล่าว่าช่วงเช้าตนได้มานาข้าวเพื่อเตรียมจะสูบน้ำใส่พร้อมกับเดินไปดูบ่อน้ำที่จะสูบน้ำก็สังเกตเห็นว่ามีรถยนต์หงายท้องอยู่ในบ่อน้ำจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจและกู้ภัยมาตรวจสอบ เมื่อถามว่ารู้อย่างไรบ้างตกใจกลัวหรือไม่นายปิยะพงศ์ กล่าวว่ารู้สึกเฉยๆเพราะว่าบริเวณนี้มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมากมีทั้งคนเจ็บและเสียชีวิตจนชาวบ้านขนานนามโค้งนี้ว่าโค้ง 100 ศพ

ทางด้านนายประสงค์ทรัพย์ ลมูลศิลป์ 62ปี เจ้าของที่นาเล่าว่าที่โค้งแห่งนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมากมีคนเสียชีวิตจำนวนมากจนชาวบ้านในพื้นที่ตั้งชื่อให้ว่าโค้ง 100 ศพก่อนหน้านี้เคยมีคนขับรถบรรทุกสิบล้อเล่าให้ตนฟังว่าพอขับรถมาถึงบริเวณทางโค้ง ได้เกิดเหตุการณ์ขนหัวลุกขึ้นเมื่อรถที่ขับมาตามทางอยู่ดีๆเหมือนมีคนมาแย่งดึงพวงมาลัยให้รถแหกโค้งแต่โชคดีที่สิ่งลี้ลับไม่สามารถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาหาปลาแล้วเสียชีวิตในบ่อน้ำของตน และตนก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ 5 รูปมาสวดทำพิธีและทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้เสียชีวิตครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันตนต้องนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต เราทำแล้วเราสบายใจทำให้เขาจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีๆ

มีเสียงสัมภาษณ์นายสุรเดช ช้างเขียว หัวหน้าชุดกู้ภัยสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง นายปิยะพงศ์ ลมูลศิลป์ 31ปีลูกชายเจ้าของที่นา  นายประสงค์ทรัพย์ ลมูลศิลป์ 62 ปี เจ้าของที่นา