ข่าวน่าสนใจ

พวงหรีด พาสติก

พวงหรีด

แจงยิบกฎเหล็ก ห้ามใส่ซอง “พวงหรีด” วางได้ งดแจกของช่วยอุบัติภัย


เลขา กกต.แจงละเอียดยิบกฎ 180 วัน พรรคการเมือง ผู้สมัคร ส.ส.สามารถร่วมงานประเพณี งานแต่ง งานบวช งานศพ ทอดกฐิน วางหรีดได้หมด แต่ห้ามใส่ซอง ห้ามมอบสิ่งของช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติและโรคระบาด นายกฯ-รมต.ลงพื้นที่ได้แต่อย่าแอบแฝงหาเสียง ตีกรอบจัดทำป้ายต้อนรับ เอกสารโชว์ผลงาน ปฏิทินปีใหม่ ย้ำข้าราชการ-หน่วยงานรัฐต้องวางตัวเป็นกลาง ทั้งหมดต้องเก็บหลักฐานแจ้งเป็นค่าใช้จ่าย “บิ๊กป้อม” สวนสื่อจี้ถามป้ายเชียร์ “ก็มีคนรักผม” ถามเพื่อไทยรู้จักไหมประเพณีเก่าแก่ ยันมีเลือกตั้งตามปกติ ขณะที่ “ชัยวุฒิ” คนปล่อยข่าวยิ้มแห้ง “เสี่ยหนู” เย้ยแลนด์สไลด์ดูกันวันเลือกตั้ง “สมชัย” คาดโทษ กกต.ขืนใส่เกียร์ว่างโดน 157 ก้าวไกลตั้งวอร์รูมดูแลผู้สมัคร พท.ข้องใจกฎเหล็กเพิ่มเหลื่อมล้ำ ฝ่ายค้านชง ป.ป.ช.สอย “บิ๊กตู่”

หลังโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ออกระเบียบวิธีหาเสียง และลักษณะต้องห้ามการหาเสียง ว่าอาจเป็นการเปิดช่องให้เลือกปฏิบัติต่อพรรคใดพรรคหนึ่ง ล่าสุดนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ประชุมร่วมกับ ผอ.กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ชี้แจงรายละเอียดหลักเกณฑ์ เพื่อยึดเป็นแนวทางปฏิบัติให้ตรงกัน

“บิ๊กป้อม” ทำนิ่งข่าวไม่มีเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสข่าวหนาหูว่าจะไม่มีเลือกตั้ง จะมีการรัฐประหารหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตรทำหน้านิ่งไม่ตอบคำถามดังกล่าว ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี นำคณะเข้าพบ พล.อ.ประวิตรเพื่อประชา สัมพันธ์การจัดแสดงนิทรรศการ APEC 2022 สัญจร “APEC พร้อม ไทยพร้อม” เมื่อเข้าสู่วาระประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากกระทรวงกลาโหมมายังทำเนียบรัฐบาล

สวนสื่อป้ายเชียร์ “ก็มีคนรักผม”

ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชน 4 ภาคและเกษตรกร อยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล มีการขึ้นป้ายเชียร์ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ไม่เห็น ไม่ได้ดู แต่ก็มีคนรักผมเกลียดผมเป็นธรรมดา มันมีทั้งรักทั้งเกลียด คุณจะเกลียดก็เกลียดไปไม่ว่าอะไรหรอกครับ” ส่วนการนัดวินิจฉัยปมวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 ก.ย. ที่มีบางกลุ่มนัดชุมนุมนั้น ไม่มีรายงานข่าว ทุกอย่างปกติดี เมื่อถามว่าได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า คุยทุกวัน ไม่กังวลทุกเรื่อง เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าคุยกันทุกวันเผื่อ พล.อ.ประยุทธ์จะห่วงเรื่องพายุ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ แต่คุยกันเรื่องส่วนตัว เมื่อถามว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาดีใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ดีใจ ผมดีใจทั้งนั้นแหละ” เมื่อถามว่าไม่กังวลอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหัวพร้อมกับร้อง “วู้ จะกังวลอะไร”

“ชัยวุฒิ” คนปล่อยข่าวยิ้มแห้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไร เลือกตั้งก็ปกติทุกอย่าง แล้วไปเอาที่ไหนมาว่าจะไม่มี” ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่ารัฐมนตรี (นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.
ดีอีเอส)ที่ยืนข้างๆท่านพูด ทำเอานายชัยวุฒิได้แต่ยิ้ม ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ถึงกับหัวเราะ เมื่อถามว่ายังคงเดินทางลงพื้นที่ตามปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังปกติทุกอย่าง เมื่อถามว่าเวลาลงพื้นที่ดูแข็งแรงมียาดีอะไร พล.อ.ประวิตรหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า จะมาถามอะไรตน เฮ้อ

โต้ พท.รู้จักไหมประเพณีเก่าแก่

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า แลนด์สไลด์ยังไง ชนะไปนิดหน่อยถือเป็นธรรมดา แบ่งคะแนนกันไป ไม่เป็นไร เมื่อถามว่าจะส่งผลถึงการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ผมจะไปรู้หรอ พอผมไม่รู้ คุณก็บอกว่าผมไม่รู้ ปัดโธ่” เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยวิจารณ์การลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ไปเป็นประธานพิธีอุ้มพระดำน้ำว่ามีการโปรยทาน พล.อ.ประวิตรตอบว่า “โอ้ย โปรยขนม เป็นประเพณีของเขา รู้จักประเพณีไหม เขาทำมา 500 ปีแล้ว”

“หนู” เย้ยแลนด์สไลด์ดูวันเลือกตั้ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ดแบบแลนด์สไลด์ว่า จ.ร้อยเอ็ดไม่ใช่จังหวัดเป้าหมายหลัก เราส่งแค่ 1 เขต ทุกอย่างจะรู้ว่าแลนด์สไลด์ หรือตอกเสาเข็มก็วันเลือกตั้ง ไปดูกันวันนั้น เมื่อถามว่ามองว่าเพื่อไทยพยายามโหมโรง นายอนุทินตอบว่า ทุกคนเวลาลงพื้นที่ต้องทำให้มีกำลังใจต่อผู้สมัคร และสมาชิกเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนกระแสข่าวจะมีม็อบใหญ่ทำให้ไม่มีการเลือกตั้งนั้น เชื่อว่าการเลือกตั้งยังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญคาดโทษ กกต.ขืนใส่เกียร์ว่าง

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธ

ศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. กล่าวว่า เก็บรวบรวมหลักฐานป้ายต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งภาพนิ่งและคลิปข่าว ที่เป็นหลักฐานการทำผิดประกาศ กกต.ว่าด้วยการติดป้ายหาเสียงไว้แล้ววันที่ 29 ก.ย. จะยื่นเรื่องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเชิญเลขาธิการ กกต.มาให้ข้อเท็จจริง จากนั้นวันที่ 4 ต.ค. จะยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้เอาผิดพรรคการเมืองและผู้สมัคร หาก กกต.ไม่ตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงในเวลาอันควร จะร้องต่อ ป.ป.ช.ประเด็นจริยธรรมและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หากครบ 1 เดือนแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆจาก กกต. จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กกต. 7 คน เลขาธิการ กกต. และ ผอ.กกต.เพชรบูรณ์ ที่ สน.ทุ่งสองห้องต่อไป

ก้าวไกลตั้งวอร์รูมดูแลผู้สมัคร

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กองอำนวยการเลือกตั้งของพรรคกำลังติดตามหลัง กกต.ออกระเบียบการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปฏิบัติขัดกับระเบียบ กกต. มีทีมกฎหมายคอยดูแลอยู่ เมื่อถามว่าจะร้อง กกต.ให้ตรวจสอบการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร ที่ จ.เพชรบูรณ์ มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ มีรูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หรือไม่ นายณัฐชาตอบว่า ต้องรอความชัดเจนเรื่องข้อปฏิบัติจาก กกต. หากฝ่ายรัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับระเบียบ กกต. จะให้ทีมกฎหมายดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน จะไม่ปล่อยให้ กกต.ทำหน้าที่สองมาตรฐาน เมื่อถามถึงสัญญาณยุบสภา และการชี้ชะตาปม 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ นายณัฐชาตอบว่า สังเกตจากสถานการณ์ที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางที่เหมือนมีความพยายามให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ เราจะไม่ยอมรับผลการตัดสินนี้แน่นอน คิดว่าสังคมไปต่อไม่ได้

ข้องใจกฎเหล็ก กกต.เหลื่อมล้ำ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังกฎเหล็ก กกต.มีผลบังคับใช้ ก็ถูกทดสอบทันที โดยเฉพาะการลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษา ราชการแทนนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประเด็นตั้งแต่การทำป้ายต้อนรับเกินขนาด มีภาพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 6 เขต ถูกตั้งคำถามมีเจตนาหาเสียงแฝงหรือไม่ การแจกสิ่งของ การโปรยทาน หรือการสัญญาว่าจะให้ ล้วนเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าสิ่งเหล่านี้ฝ่ายรัฐบาลทำได้หมด แต่ฝ่ายค้านทำไม่ได้ จะเกิดการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมได้อย่างไร แม้วันนี้ฝ่ายรัฐบาลจะสวมหมวกรัฐมนตรีลงพื้นที่ แต่หมวกอีกใบที่ใส่ซ้อนทับลงไปคือการเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กฎเหล็ก กกต.ต้องไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำเพิ่ม ต้องไม่สร้างปัญหา

“แสวง” แจงละเอียดกฎ 180 วัน

วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ประชุมร่วมกับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กกต.จว.) ทั่วประเทศ ผ่านระบบซูม เพื่อชี้แจงให้ กกต.จังหวัดรับทราบแนวทางปฏิบัติ และชี้แจงพรรคการเมืองให้เป็นแนวทางเดียวกันเกี่ยวกับเกณฑ์การหาเสียงช่วง 180 วันก่อนสภาครบวาระ นายแสวงกล่าวว่า จำเป็นต้องชี้แจงลงในรายละเอียดเพื่อเป็นแนวทางให้ กกต.จังหวัดพิจารณาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 พรรคการเมืองและผู้สมัคร 1.ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง สามารถไปร่วมงานประเพณีต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพและมอบพวงหรีดดอกไม้สดได้ แต่ต้องไม่มีการให้เงิน ทรัพย์สินต่างๆ ยกเว้นกรณีฝ่ายเจ้าภาพจัดเตรียมสิ่งของตามพิธีการไว้ให้มอบในงาน เช่น ผ้าบังสุกุล ปัจจัย เป็นต้น ไม่ใช่เงินของพรรคการเมือง หรือผู้สมัคร หรือการระบุชื่อเป็นประธานในงานกฐิน ไม่ได้มอบเงินหรือทรัพย์สินของตนเองสามารถกระทำได้ แต่เจ้าภาพจะประกาศชื่อ หมายเลขของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ในลักษณะที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้

ห้ามใส่ซอง-แจกของช่วยเหลืออุบัติภัย

นายแสวงกล่าวว่า 2.ผู้สมัครที่จำเป็นต้องจัดพิธีงานต่างๆในช่วง 180 วัน สามารถจัดงานได้เท่าที่จำเป็น เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง แต่ให้หลีกเลี่ยงการจัดงานขนาดใหญ่ มีผู้เข้าร่วมมาก อาจเป็นเหตุให้มีการร้องคัดค้านว่าเป็นการจัดเลี้ยง จัดมหรสพ ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ 3.หัวหน้าพรรค การเมือง ผู้บริหารพรรค ส.ส.พรรค สามารถลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้สมัครหาเสียงได้ แต่ห้ามจัดหรือนำคนไปช่วยหาเสียงโดยได้รับค่าตอบแทน หรือสิ่งตอบแทน เช่น การจ้างให้เข้าร่วมรับฟังโดยไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง 4.ผู้สมัครและพรรคเข้าไปหาเสียงในโรงเรียน หรือสถานที่ราชการได้ แต่ต้องขออนุญาตเจ้าของสถานที่ก่อน 5.ผู้สมัครและพรรคการเมืองไม่สามารถมอบของช่วยเหลือแก่ประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลืออุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย และโรคระบาด หรือในเหตุที่เกิดขึ้นลักษณะเดียวกัน

ย้ำขนาด-จำนวนป้ายยึดตามกฎ

นายแสวงกล่าวว่า 6.ผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถติดประกาศแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตามวิธีการ ขนาด จำนวนและสถานที่ตามที่กำหนด สำหรับแผ่นป้ายที่ติดไว้ก่อนแล้ว ต้องแก้ไขให้มีขนาดและติดในสถานที่ตามที่กำหนดไว้ 7.การหาเสียงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเคร่งครัด

ลงพื้นที่ได้แต่อย่าแฝงหาเสียง

นายแสวงกล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ รัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง ดังนี้ 1.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ที่พึงต้องปฏิบัติในตำแหน่งนั้น เช่น การออกรายการวิทยุโทรทัศน์ เป็นประธานเปิดงานในพิธีต่างๆ การลงตรวจงาน การพบปะประชาชนในพื้นที่ หรือการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน แต่ห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ในการหาเสียงในแก่ตนเองหรือผู้อื่น หรือพรรคการเมือง สามารถไปร่วมประเพณีต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ วางพวงหรีดดอกไม้ได้ แต่ต้องไม่มีการให้เงิน ทรัพย์สินใดๆ กรณีเจ้าภาพจัดเตรียมสิ่งของตามพิธีการไว้ให้มอบในงาน เช่น ผ้าบังสุกุล หรือระบุชื่อเป็นประธานงานกฐิน โดยไม่ได้มอบเงินหรือทรัพย์สินของตนเอง สามารถกระทำได้ แต่เจ้าภาพจะประกาศชื่อ ในลักษณะช่วยเหลือหาเสียงไม่ได้ นอกจากนี้สามารถหาเสียงเลือกตั้งนอกเวลาราชการให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองได้ แต่ต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมือง ผู้สมัครใด ส่วน ส.ส. และ กมธ. มีวิธีปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ย้ำข้าราชการวางตัวเป็นกลาง

เลขาธิการ กกต.กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ 3 หน่วยงานของรัฐ สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้ ดังนี้ 1.จัดประชุมสัมมนา จัดกิจกรรมประกวดแข่งขันต่างๆ จัดงานเทศกาลตามประเพณี และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมติ ครม.ลงวันที่ 1 ก.พ.2562 ที่ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างในสังกัดราชการส่วนกลาง และภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. 2.ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง 3.นับแต่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.จนถึงวันเลือกตั้ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พนักงานให้กระทำเท่าที่จำเป็น ไม่ให้กระทบกับการเลือกตั้ง 4.ให้ราชการส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่นให้การสนับสนุนสถานที่จัดการเลือกตั้ง สถานที่ติดประกาศ และแผ่นป้ายหาเสียงเลือกตั้ง 5.ให้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัคร ด้านความปลอดภัย เพื่อคุ้มครองประชาชนและเจ้าหน้าที่ให้ได้รับความปลอดภัย หลักสำคัญคือข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ป้ายต้อนรับห้ามเข้าข่ายหาเสียง

นายแสวงกล่าวอีกว่า การทำเอกสารของหน่วยงานของรัฐ เอกสารเผยแพร่ผลงานรัฐมนตรี ปฏิทินปีใหม่ที่มีรูป และผลงานรัฐมนตรี ให้จัดทำเผยแพร่ในนามหน่วยงานเท่านั้น ต้องระมัดระวังไม่ให้ลักษณะเข้าข่ายหาเสียงให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือพรรค การเมือง ส่วนการจัดทำป้ายต้อนรับการลงตรวจพื้นที่ ให้พึงระมัดระวัง ไม่ให้เข้าข่ายเป็นการจัดทำป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนการจัดทำป้ายต้อนรับหรือป้ายขอบคุณของพรรคการเมือง หรือ ส.ส. ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากอาจเป็นป้ายหาเสียง และเป็นการขัดมติ ครม.ในเรื่องการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ส่วนป้ายปิดประกาศให้จัดทำเป็นแนวตั้งขนาดไม่เกิน 30×42 ซม. หรือขนาด A3 ส่วนแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ต้องมีขนาดไม่เกิน 130×245 ซม. และให้ระบุชื่อ-สกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่ชัดเจน แต่กรณีที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง การปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ กกต.และ ผอ.กกต.จังหวัดกำหนด

เก็บหลักฐานแจ้งเป็นค่าใช้จ่าย

นายแสวงกล่าวว่า ส่วนการติดป้ายที่ทำการพรรค สาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ติดได้สถานที่ละ 1 แผ่น ขนาดไม่เกิน 400×750 ซม. การดำเนินการเกี่ยวกับประกาศและแผ่นป้ายดังกล่าว ผู้สมัครและพรรค การเมืองต้องเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ประกอบการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้ เรื่องป้ายหรือประกาศจะมีข้อยกเว้นอยู่คือ แผ่นพับ ใบปลิว เอกสารขนาดเล็ก หรือสติกเกอร์ รวมทั้งจอแอลอีดีที่ติดอยู่ตามรถ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเป็นไปตามขนาด หรือจำนวนที่ระเบียบ กกต.กำหนด แต่ให้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงครั้งต่อไป การยกตัวอย่างที่ว่ามาน่าจะครบถ้วนและเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางให้แก่พรรคการเมือง และสำนักงาน กกต.จังหวัด ในการชี้แจงให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีลักษณะซับซ้อน หรือไม่แน่ใจ ให้ ผอ.กกต.จังหวัดสอบถามมาที่ กกต. ส่วนกลาง ที่สำนักกฎหมาย สำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักบริหารการสนับสนุนโดยรัฐได้

วอน กกต.เปิดช่องช่วย ปชช.

ขณะที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี กกต.ชี้แจงแนวปฏิบัติของ ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมืองว่า พรรค พปชร.พร้อมปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของ กกต. แต่เป็นห่วงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในปัจจุบันจากเหตุภัยธรรมชาติที่อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือทัน
ท่วงทีจากข้อจำกัดดังกล่าว อยากให้มีแนวทางช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน เช่น อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย การขนย้ายผู้ป่วย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ควรมีข้อยกเว้น คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก

ฝ่ายค้านเพิ่มข้อหาสอย “บิ๊กตู่”

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ร้องเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวหา 2 กรณี 1.พล.อ.ประยุทธ์กับพวกรวม 7 คน ได้แก่ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผู้บริหาร ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 3 คน และ นักการเมือง 2 คน ทุจริตอนุมัติงบกลางในโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมให้แก่ มหาวิทยาลัยต่างๆรวม 2,054 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ใช้งบซ้ำซ้อน ไม่เป็นไปตามทีโออาร์ 2.พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ที่กำกับดูแลองค์การคลังสินค้า (อคส.) ปล่อยปละละเลยไม่อายัดเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาท กรณีทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง นายประเสริฐกล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น พรรคฝ่ายค้านติดตามหาหลักฐานเพิ่มเติมมากเพียงพอ เห็นชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์และพวก ไม่ติดตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ครม.ไฟเขียวชดเชย อสม.-อสส.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 2,100 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพ มหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวม 1,050,306 คน ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.2565 รวม 4 เดือน ในอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน รวมเป็น 2,000 บาทต่อคน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดโควิดมีการชดเชย อสม.ไปแล้วทั้งสิ้น 2 ปี 6 เดือน

ทอ.ขออภัยบินซ้อมรับ-ส่งหน้าที่

อีกเรื่อง พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) กล่าวถึงกระแสสังคมออนไลน์โพสต์แจ้งเตือนให้ตรวจสอบตารางเที่ยวบินก่อนเดินทาง หลังมีการซ้อมบินของ ทอ.ว่า ทอ.ทำการบิน 3 วัน คือ วันที่ 23, 27 และ 30 ก.ย. ช่วงเวลา 13.45-14.45 น. เพื่อซ้อมใหญ่ในพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผบ.ทอ. วันที่ 30 ก.ย. ได้แจ้งเตือนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะสายการบินที่ใช้สนามบินร่วมกัน ทั้งนี้สนามบินดอนเมืองมี 2 ทางวิ่ง สำหรับการบินพาณิชย์ และส่วนของ ทอ. ตลอดทั้งปี ทอ.อะลุ้มอล่วยให้การบินพาณิชย์ใช้งานบรรเทาความคับคั่งเสมอมา ทอ.จะใช้ทางวิ่งแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้นและใช้เวลาบินไม่นาน ขอให้ประชาชนเข้าใจ ทอ.ด้วย การฝึกบินดังกล่าวเตรียมการมาล่วงหน้า แจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้องแล้ว ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นต่อประชาชน จะพิจารณาปรับห้วงเวลาการฝึกให้กระชับรวดเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อไป



Source link

LEAVE A RESPONSE

Your email address will not be published. Required fields are marked *