ข่าวน่าสนใจ

พวงหรีด พาสติก

พวงหรีด

ทีม ‘วันนอร์’ ปิดดีลเจรจา ‘ฮามาส’ จ่อปล่อยตัวประกัน แค่รอเวลา/ความปลอดภัย


วันพฤหัสบดี ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ทีม ‘วันนอร์’ ปิดดีลเจรจา ‘ฮามาส’

จ่อปล่อยตัวประกัน

แค่รอเวลา/ความปลอดภัย

‘ปานปรีย์’ เคลียร์ ‘กาตาร์’

รับปากขอช่วยเหลืออีกทาง

เศร้ารับอีก 11 ร่างกลับไทย

 

 

“กลุ่มฮามาส”ประกาศเตรียมปล่อยตัวประกันต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ระบุสัญญาณ ภายในอีกไม่กี่วันนี้ขณะที่ทีมเจรจา“วันนอร์”ทำสำเร็จปิดดีล เจรจากลุ่มฮามาสรับปากปล่อยตัวประกันไทยแน่ แต่ยังติดเงื่อนไขในเรื่องเวลาและความปลอดภัยในฉนวนกาซา ด้านกระทรวงการต่างประเทศ โชว์ภาพ “ปานปรีย์” เจรจาฝ่ายกาตาร์ ช่วยอีกทางหนึ่ง เศร้า!รับอีก 11 ร่างกลับสู่มาตุภูมิ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าปฏิบัติการทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล สามารถโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาอีกมากกว่า 300 แห่ง ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด และมีสมาชิกกลุ่มฮามาสเสียชีวิต “เพิ่มอีกจำนวนมาก”

ทั้งนี้ การที่เครื่องบินรบของกองทัพอากาศอิสราเอล ยังคงทิ้งระเบิดโจมตีในรัศมีรอบโรงพยาบาลอัล-คุดส์ หนึ่งในโรงพยาบาลใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางเหนือของฉนวนกาซา ด้านสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ออกแถลงการณ์ประณาม ว่าการที่กองทัพอิสราเอล “เจตนา” ทิ้งระเบิดโจมตีรอบโรงพยาบาล ยิ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วย และการที่ประชาชนจำนวนมากอาศัยพื้นที่ของโรงพยาบาลเป็นสถานที่หลบภัย

ขณะที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ยืนกรานว่า การอพยพผู้ป่วยและประชาชน ออกจากโรงพยาบาล 10 แห่ง ในฉนวนกาซา รวมถึงโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุด และโรงพยาบาลอัล-คุดส์ “เป็นไปไม่ได้” เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ป่วย และโรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องมือเหมาะสม ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย อีกทั้งโรงพยาบาลในภาคใต้ของฉนวนกาซา “ไม่มีศักยภาพเพียงพอ” รองรับผู้ป่วยเพิ่มเติมแล้ว

อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลยืนกรานว่า ดับเบิลยูเอชโอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งอพยพผู้ป่วย และประชาชนออกจากโรงพยาบาลทั้ง 10 แห่ง เนื่องจากจะมีการยกระดับการโจมตี “ฐานที่มั่น” ของกลุ่มฮามาส ซึ่งอยู่ใต้โรงพยาบาล

“เนทันยาฮู”ลั่นไม่หยุดยิง

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ลั่นอิสราเอลจะไม่มีทางหยุดยิงในกาซา ชี้หากทำเช่นนั้นจะเป็นการยอมจำนนต่อกลุ่มฮามาสแม้สหประชาชาติจะออกมาเตือนว่าความช่วยเหลือต่อฉนวนกาซานั้นยังไม่เพียงพอ และจะนำมาสู่หายนะด้านมนุษยธรรมก็ตาม

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงว่า เขาต้องการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของอิสราเอลว่าจะไม่มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา หรือยุติการเป็นปรปักษ์กับกลุ่มฮามาส หลังการโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ข้อเรียกร้องให้หยุดยิง หรือเรียกร้องให้อิสราเอลยอมจำนนต่อฮามาส ยอมจำนนต่อกลุ่มก่อการร้าย หรือยอมจำนนต่อความป่าเถื่อน

จะไม่เกิดขึ้น เพราะนี่คือเวลาของสงคราม ไม่ใช่สันติภาพ และอิสราเอลจะสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้ และว่าการบุกภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลทำให้เกิดความเป็นไปได้ ในการช่วยเหลือตัวประกันกว่า 220 คนที่กลุ่มฮามาสจับตัวไว้

กาตาร์เตือนอิสราอล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ว่ากระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ออกแถลงการณ์ ประณามการที่กองทัพอิสราเอลโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในเขตทางเหนือของฉนวนกาซา “เป็นการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งไม่สามารถป้องกันตัวเองได้”

ขณะเดียวกัน รัฐบาลโดฮาย้ำเตือนว่า การที่อิสราเอลขยายขอบเขต และยกระดับความรุนแรงของปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา “จะเป็นการบ่อนทำลาย” การเจรจาในทุกมิติ เพื่อยุติความรุนแรง

ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลอียิปต์กล่าวว่า กำลังมีการเตรียมพื้นที่ 1,300 ตารางเมตร ในเมืองชีค ซูเวอิด ทางตอนเหนือของคาบสมุทรไซนาย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ประมาณ 15 กิโลเมตร เพื่อรักษาประชาชนในฉนวนกาซา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอล

ฮามาสพร้อมปล่อยตัวประกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซา ว่ากองพลน้อยอัล-กอสซัม ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาส ออกแถลงการณ์ ว่าภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ “ตัวประกันจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นชาวต่างชาติ” จะได้รับการปล่อยตัว โดยได้มีการแจ้งข้อมูลเบื้องต้น ให้ประเทศซึ่งทำหน้าที่คนกลางได้รับทราบแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ฉนวนกาซา “จะกลายเป็นสุสานสำหรับทหารอิสราเอล” ซึ่งขยายขอบเขตปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสควบคุมตัวประกันมากกว่า 200 คน นับตั้งแต่เปิดฉากสงครามกับอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่จนถึงตอนนี้ มีตัวประกันได้รับอิสรภาพแล้ว 5 คน แบ่งเป็นการปล่อยตัว 4 คน คือแม่ลูกชาวอเมริกัน และหญิงชราชาวอิสราเอล 2 คน ส่วนอีกคนเป็นทหารหญิงชาวอิสราเอล ซึ่งหน่วยรบพิเศษของกองทัพอิสราเอลช่วยเหลือออกจากมาฉนวนกาซา.

ทีมงานวันนอร์แจ้งข่าวดี

เว็บไซต์สำนักข่าวไทย เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ นายซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์แห่งประเทศไทย ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยในฉนวนกาซา ว่า คณะเจรจาที่ถูกแต่งตั้งโดยประธานรัฐสภาไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งประกอบด้วย นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายเลอพงษ์ ซาร์ยีด ผู้ประสานงานฝ่ายต่างประเทศและนายสัยยิดมุมิน ศักดิ์กิตติชา ได้เข้าเจรจา กับฮามาสในการช่วยเหลือตัวประกัน ว่าได้มีการเจรจา 2-3 รอบแล้ว ขณะนี้ถือว่าการเจรจาเสร็จสิ้นสมบูรณ์

“โดยล่าสุดคณะเจรจาได้รับเกียรติจากอยาตุลลอฮ์ อัคตารี ที่ปรึกษาประธานาธิบดีอิหร่าน เป็นเจ้าภาพในการเจรจาระหว่างตัวแทนไทยกับฮามาส โดยใช้ห้องทำงานของที่ปรึกษาฯ ซึ่งอยู่ในบริเวณทำเนียบในการพูดคุยเจรจา โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมประชุม ซึ่งการเจรจาไม่มีปัญหาอะไร ทางฮามาสตกลงและพร้อมที่จะปล่อยตัวประกันคนไทย แต่ติดอยู่ที่เงื่อนไขของเวลาและความปลอดภัย เนื่องจากตัวประกันทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่ฉนวนกาซา การเดินทางเข้า-ออกยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอิสราเอลโจมตีพื้นที่เส้นทางเข้าออกทั้งหมด ซึ่งหากเดินทางออกมาตอนนี้เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องรอจนกว่าอิสราเอลจะหยุดโจมตี หรือยอมรับการหยุดยิง”นายซัยยิดสุไลมาน กล่าว

กาต้าร์รับปากช่วยอีกทาง

เฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศโพสต์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับเชค มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะฮ์มาน บิน ญาสซิม อาล ษานี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐกาตาร์ ที่กรุงโดฮา โดยมี ดร มุฮัมมัด บิน อับดุลอะซีซ อาล คุลัยฟี รัฐมนตรีแห่งรัฐ รัฐกาตาร์ ร่วมการหารือด้วย

ฝ่ายไทยชื่นชมบทบาทนำและความพยายามอย่างแข็งขันของกาตาร์ในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการเป็นสื่อกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งต่างๆ อย่างเป็นธรรมในตะวันออกกลางและระหว่างประเทศต่อสถานการณ์ในอิสราเอลและกาซา ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนการเจรจาซึ่งจะนำไปสู่ทางออกที่สันติอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและความเสียหายต่อทรัพย์สิน โดยเฉพาะพลเรือนที่บริสุทธิ์ ซึ่งรวมถึงแรงงานไทยที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ด้วย

ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากกาตาร์เพื่อช่วยให้มีการปล่อยตัวคนไทยและคนชาติอื่นที่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งกาตาร์ยินดีและรับจะช่วยดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยกาตาร์ยืนยันว่า คนไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง และเห็นว่าจะเป็นตัวประกันต่างชาติกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้ การสู้รบที่ยังดำรงอยู่ เป็นอุปสรรคสำคัญของการดำเนินการ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี โดยหวังให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเพิ่มพลวัตความสัมพันธ์ในทุกสาขา โดยเฉพาะด้านพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการค้าการลงทุน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกันด้วย

ส่งศพกลับบ้านอีก11ราย

ก่อนหน้านี้ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม และนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) เป็นผู้แทนฝ่ายไทยเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยและ ส่งร่างผู้เสียชีวิตชาวไทย 11 รายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สงครามในอิสราเอล กลับประเทศไทย ณ บริเวณลานบินของท่าอากาศยานเบนกูเรียน กรุงเทลอาวีฟ (อีก 1 รายที่เพิ่มเติมคือนายมีชัย ฤทธิผล)

ผู้แทนฝ่ายอิสราเอล ประกอบด้วย นาง Michal Weiler- Tal, Director of South-East Asia Department (เทียบเท่ารอง อธ.) นาง Shoshi Reshef Mor, Director of Foreign Trade Division กระทรวงเกษตรและชนบท อส. และนาง Mary Zindani, Manager of State Relations, Bilateral Agreements Division เข้าร่วมพิธี นอกจากนี้ ยังมีบุตรสาวของนายพิทักษ์ โทแหล่ง หนึ่งในผู้เสียชีวิตมาร่วมพิธีฯ ด้วย

โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตได้วางพวงหรีดเพื่อเคารพศพ หลังจากนั้น นาง Weiler-Tal ได้กล่าวแสดงความเสียใจ ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่ไทยกับอิสราเอลร่วมกันเผชิญ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงอันใกล้ชิดกันระหว่างไทยกับ อส. โดย รบ. อส. ยินดีให้ความช่วยเหลือภารกิจต่าง ๆ ของ สอท. อย่างใกล้ชิด

ในการนี้ เอกอัครราชทูตได้กล่าวขอบคุณผู้มาร่วมพิธีทุกคนที่เดินทางมาส่งร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย และเป็นการให้เกียรติต่อผู้วายชนม์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแรงงานที่ตั้งใจมาทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และหวังว่าไทยจะไม่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

อนึ่ง ร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ร่างถูกส่งไปประเทศไทยด้วยเที่ยวบินของสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 083 ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟเวลา 20.00 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 12.40 น.

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเรียกร้องให้คนไทยในอิสราเอลกลับบ้าน และจากนี้การอพยพไม่ใช้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้อพยพ อีกทั้งถ้ากลับเองก็ยังสามารถเบิกค่าเครื่องบินได้



Source link

LEAVE A RESPONSE

Your email address will not be published. Required fields are marked *